โครงการสมุทรสงครามอยู่ดี จากผลงานวิจัยแบบบูรณาการศาสตร์ของมหาวิทยาลัยศิลปากร เพื่อพัฒนาพื้นที่ด้วยทุนทางศิลปวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม อาศัยการมีส่วนร่วมอย่างใกล้ชิพของทุกภาคส่วนในท้องถิ่น ต่อยอดขยายผลสู่ภาคปฏิบัติ เพื่อสร้างความอยู่ดีกินดีมีสุขแก่คนพื้นที่ บนฐานนิเวศวัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม และวิถีชุมชน ฟื้นความมีชีวิตชีวาคืนสู่อัมพวา


รองศาสตราจารย์ ดร.เกรียงไกร เกิดศิริ รองคณบดีคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ และหัวหน้าโครงการสมุทรสงครามอยู่ดี: การขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ บนฐานนิเวศวัฒนธรรมและวิถีชุมชน ระยะที่ 2 มหาวิทยาลัยศิลปากร เปิดเผยว่า โครงการนี้เป็นโครงการวิจัย เพื่อแสวงหาข้อมูล และพัฒนาชุดความรู้ ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ บนฐานนิเวศวัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม และวิถีชีวิตชุมชน ที่ได้รับการสนับสนุนทุนวิจัย ตลอดจนข้อแนะนําจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) และได้รับรางวัลผลงานวิจัยดีเด่น ประจําปี 2554 ภายใต้กรอบการวิจัยมหาวิทยาลัยกับการขับเคลื่อนทุนทาง วัฒนธรรมเพื่อการพัฒนาเชิงพื้นที่ จาก บพท.

“การขับเคลื่อนกระบวนการวิจัยของเรา เริ่มต้นจากการศึกษาค้นคว้าข้อมูลท้องถิ่นอย่างละเอียด และ ลงสํารวจพื้นที่จริงร่วมกับภาคีในพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทศบาลตําบลอัมพวา องค์การบริหารส่วนตําบลบางช้าง และชุมชนบางสะแก โดยบูรณาการความรู้ข้ามศาสตร์ทั้งสถาปัตยกรรมศาสตร์ สังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศ แล้วนําข้อค้นพบมาออกแบบเป็นชุดความรู้ ที่สามารถนําไปใช้ประโยชน์ได้จริง
รศ.ดร.เกรียงไกร กล่าวว่า ผลลัพธ์จากงานวิจัยทําให้เกิดผลผลิต แผนที่บิเวศวัฒนธรรม และอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ท้องถิ่นที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมในพื้นที่ และระบบฐานข้อมูลสารสนเทศทาง ภูมิศาสตร์ ที่เกี่ยวเนื่องกับนิเวศวัฒนธรรม ช่างฝีมือท้องถิ่น ศิลปิน ตลอดจนผู้ประกอบการวัฒนธรรมในพื้นที่ ซึ่งสามารถนําไปต่อยอดขยายผลการใช้ประโยชน์ในการสร้างความยั่งยืนแก่เศรษฐกิจและวิถีชุมชนได้อย่างยั่งยืน

นายกฤษฎี กลิ่นจงกล นายกเทศมนตรีตําบลอัมพวา อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม กล่าวว่า ต้องขอบคุณ บทท. ตลอดจนอาจารย์มหาวิทยาลัยศิลปากร ที่เข้ามาช่วยเติมเต็มในเรื่องขององค์ความรู้จาก การศึกษาค้นคว้าจนเกิดเป็นผลงานวิจัย “สมุทรสงครามอยู่ดี : การขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ฐานนิเวศ วัฒนธรรมและวิถีชีวิตชุมชน” และส่งผลทําให้เทศบาลของเรา มีองค์ความรู้ในการฟื้นฟูจิตวิญญาณของอัมพวา ให้กลับมามีชีวิตชีวาได้อย่างมั่นใจ และสามารถขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองได้เร็วขึ้น
“งานวิจัย “สมุทรสงครามอยู่ดี” ที่ทางเทศบาลได้นําไปต่อยอดมีด้วยกัน 2 เรื่องสําคัญได้แก่ การท่องเที่ยวทางน้ํา และงานด้านศิลปวัฒนธรรม โดยในส่วนของการท่องเที่ยวทางน้ํา ช่วงปลายเดือนตุลาคมจะมีการฟื้นเรื่องตลาดน้ํา ตลาดเรือขึ้นมาใหม่ พร้อมกับมีแผนสร้างคนพายเรือให้ตลาดน้ําในอนาคตด้วย และได้ให้นโยบายกับโรงเรียนว่าเด็กอัมพวาต้องว่ายน้ําได้พายเรือเป็น ขณะเดียวกันสมุทรสงครามอยู่ดีๆ ยังช่วยปูทางผลักดันคลองบางจาก ทําให้เกิดกิจกรรมนักท่องเที่ยวมาพายเรือเก็บขยะแล้วเราก็นําไปต่อยอดโดยการนําเด็กนักเรียน ป.5 ป.6 ออกมาเก็บขยะและเกิดเป็นกิจกรรม “พายไปกิน พายไปชิม พายไปอนุรักษ์” จนเกิดเป็น อาชีพมัคคุเทศก์น้อย”
นายกเทศมนตรีตําบลอัมพวา กล่าวด้วยว่า โครงการ “สมุทรสงครามอยู่ดีฯ” ยังถูกนําไปต่อยอดทําให้ เกิดกิจกรรมใหม่คือการพายเรือไปชมหิ่งห้อย ซึ่งจะไม่ก่อให้เกิดมลพิษต่อหิงห้อยเหมือนเช่นเรือยนต์ โดยเราตั้งเป้าไว้ที่คลองบางจากเพราะอยู่ใกล้อัมพวา แล้วมีต้นทุนที่ดีด้วยทั้งเรื่องอาหาร ขนม บ้านสวน โรงเจ ตรงนั้น ก็จะดูเมืองได้ 360 องศาเลย ประการสําคัญคลองบางจากมีสตอรี่ไม่แพ้คลองอัมพวา เป็นอีกตลาดที่คู่กับตลาด น้ําอัมพวาแต่ไม่มีใครรู้ มีโรงเลื่อย มีชาวบ้านมีร้านทองในคลองบางจาก
“โครงการสมุทรสงครามอยู่ดีๆ โดยมหาวิทยาลัยศิลปากร จากการสนับสนุนทุนวิจัยของ บทท. ทําให้คลองบางจาก ได้รับการยกระดับจากรัฐบาลกําหนดให้เป็นคลองเฉลิมพระเกียรติ ตามนโยบายหนึ่งจังหวัดหนึ่งคลอง ซึ่งจะส่งผลให้มีงบประมาณบูรณาการเข้าไปพัฒนาอย่างเต็มที่ เปิดโอกาสให้สามารถจัดกิจกรรม เกี่ยวเนื่องกับสายน้ําได้ตลอดทั้งปี และผมตั้งใจให้เรือทุกลําที่จะแล่นในคลองนี้ ต้องปลอดจากเครื่องยนต์ เพื่อ เป็นการรณรงค์เรื่องสิ่งแวดล้อม และเป็นคลองปลอดคาร์บอน หรือ Net Zero”
นายกฤษฎี กล่าวด้วยว่าคุณูปการของงานวิจัยโครงการสมุทรสงครามอยู่ดี ยังถูกนําไปต่อยอดงานด้าน ศิลปวัฒนธรรม เราตั้งชมรมศิลปวัฒนธรรมอัมพวาขึ้นโดยการรวบรวมครูอาจารย์ที่รักในงานด้านศิลปะทั้งครูโขน ครูดนตรีไทย ครูรำ ครูต่าง ๆ มาสอนเด็ก ๆ ในเขตเทศบาลฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย
“ผมตั้งใจประกาศให้ทุกคนรับรู้ว่า อัมพวา คือ เมืองต้นกําเนิดของรามเกียรติ์ในเมืองไทย เพราะที่นี่คือ ที่ประสูติของล้นเกล้ารัชกาลที่ 2 ซึ่งทรงพระราชนิพนธ์บทพระราชนิพนธ์เรื่องรามเกียรติ์ โดยตอนนี้ทุกวันเสาร์- อาทิตย์ เราจัดให้เด็กแต่งตัวเป็นโขนในรามเกียรติ์มาเดินทักทายกับชาวบ้าน และเรานําตัวละครในรามเกียรติ์ มาประดับไว้ในป้ายตลาดน้ํา เพื่อตอกย้ําว่าอัมพวาคือเมืองรามเกียรติ์”

ดร.ปุ่น เที่ยงบูรณธรรม รองผู้อํานวยการ หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บาท.) กระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวว่า ผลงานวิจัยโครงการสมุทรสงคราม อยู่ดีๆ ของคณาจารย์คณะนักวิจัย มหาวิทยาลัยศิลปากร เป็นผลงานที่น่าชื่นชม สามารถใช้ประโยชน์ได้จริง สอดคล้องกับเจตนารมย์การสนับสนุนทุนวิจัยของ บพท. ที่มุ่งเน้นให้เกิดประโยชน์ในการพัฒนาพื้นที่ ลด ช่องว่างความเหลื่อมล้ำเสริมสร้างคุณภาพชีวิต และเศรษฐกิจฐานราก เศรษฐกิจหมุนเวียนในพื้นที่ ซึ่งพิสูจน์ ยืนยันหนักแน่นจากนายกเทศมนตรี เทศบาลตําบลอัมพวา ที่เป็นผู้นํางานวิจัยไปใช้ประโยชน์อย่างกว้างขวาง
ที่ผ่านมา บทท. มีการสนับสนุนทุนวิจัย ผ่านกลไกเครือข่ายมหาวิทยาลัยในพื้นที่ใน 4 ภูมิภาค เพื่อ หนุนเสริมกลไกในพื้นที่ในการเชื่อมความรู้จากทุนทางวัฒนธรรมไปสู่การเป็นพื้นที่สร้างสรรค์ โดยความร่วมมือ กับภาคีในพื้นที่ อาทิ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ศิลปิน ช่างฝีมือ ปราชญ์ชาวบ้าน ภาคธุรกิจเอกชน ร่วมมือ กันออกแบบสร้างระบบนิเวศทางวัฒนธรรมของตนเองใหม่ (Re-designing Community Culture) รื้อฟื้นวัฒนธรรม พัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมสมัยของคนในพื้นที่ สร้างผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรมที่มีคุณค่าและมูลค่าสูงด้วยนวัตกรรมการสร้างสรรค์และเกิดการสร้าง “นวัตกรทางวัฒนธรรม” โดยเน้นการขับเคลื่อนในกลุ่มคนรุ่นใหม่ คนคืนถิ่น และช่างฝีมือท้องถิ่น ช่วยกันฟื้นคุณค่าของทุนที่เป็นเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมในพื้นที่
“ต้องขอขอบคุณอย่างยิ่งต่อท่านนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลอัมพวา ท่านนายกฯ กฤษฎี กลิ่นจงกล ซึ่งเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขพันธุ์แท้ของพี่น้องชาวอัมพวา ที่เห็นคุณค่างานวิจัย และนำเอางานวิจัยไปต่อยอดขยายผลใช้ประโยชน์อย่างจริงจัง ในกระบวนการฟื้นฟูจิตวิญญาณของอัมพวาให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง และมีความตั้งใจแน่วแน่ที่จะใช้ประโยชน์จากงานวิจัยไปทำให้อัมพวามีชีวิตชีวาที่ยั่งยืน บนฐานภาคีความร่วมมือกันของประชาคมชาวอัมพวา และบนฐานเศรษฐกิจหมุนเวียนในชุมชนอัมพวา”
โครงการฯ มีเป้าหมายในการเคลื่อนโจทย์เพื่อสร้างผลกระทบทางบวกในพื้นที่ 4 เป้าหมาย คือ
“เป้าหมายที่ 1” คือ “แผนที่นิเวศวัฒนธรรม และอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ท้องถิ่น: (Cultural Ecology and Local Cultural Industry Mapping)” เพื่อสํารวจแหล่งมรดกทางวัฒนธรรม นิเวศวัฒนธรรม อุตสาหกรรม สร้างสรรค์ในชุมชนท้องถิ่น และจัดทําฐานข้อมูลระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์เพื่อการบริหารโครงการ และใช้ประโยชน์ในโครงการริเริ่มในอนาคต และเติมเต็มข้อมูลในฐานข้องมูลระดับชาติของแผนงานวิจัย
“เป้าหมายที่ 2 คือ “การหนุนเสริมพลังผู้ประกอบการทางวัฒนธรรม ศิลปิน ช่างฝีมือในท้องถิ่น และ ผู้สืบทอดทางวัฒนธรรมเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางวัฒนธรรม” เพื่อพัฒนาศักยภาพและยกระดับขีดความสามารถผู้ประกอบการวัฒนธรรม (Cultural Entrepreneur) ศิลปิน ช่างฝีมือท้องถิ่น และผู้สืบทอดทางวัฒนธรรม บนฐานคุณค่านิเวศวัฒนธรรม (Cultural Ecology) และอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ (Creative Economy)
“เป้าหมายที่ 3” คือ “กลยุทธ์การจัดการนิเวศวัฒนธรรมชุมชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นบนฐานคุณค่า และการส่งเสริมผู้ประกอบการอุตสาหกรรมทางวัฒนธรรมในท้องถิ่น” เพื่อสร้างให้เกิดปฏิบัติงานร่วมกัน ระหว่างภาคีท้องถิ่นทุกภาคส่วน ซึ่งเป็นกลไกสําคัญในการสร้างความเข้าใจและเป้าหมายร่วมกันในการวางรากฐานแนวทางการพัฒนาเชิงพื้นที่และการบริหารจัดการต้นทุนทางนิเวศวัฒนธรรม และอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ต่างๆ ที่มีอยู่ในพื้นที่อย่างเป็นระบบ และนําไปสู่ความยั่งยืนในมิติต่าง ๆ
เป้าหมายที่ 4 คือ การสืบสานและพัฒนาทรัพยากรวัฒนธรรมบนฐานคุณค่า เพื่อสร้างความเข้มแข็ง วิถีวัฒนธรรมและยกระดับมูลค่าเศรษฐกิจชุมชน เพื่อต่อยอดคุณค่าคุณค่าของนิเวศวัฒนธรรม และอุตสาหกรรม สร้างสรรค์ (Creative Economy) เพื่อการพัฒนา หรือฟื้นฟู ตภัณฑ์ทางวัฒนธรรม (Cultural Product) หรือ บริการทางวัฒนธรรม (Cultural Service) เพื่อนําไปสู่การใช้ประโยชน์ในบริบทสังคมร่วมสมัย และการเพิ่มมูลค่า ทางเศรษฐกิจ
ผลลัพธ์จากการขับเคลื่อนโครงการวิจัยเชิงพื้นที่ “สมุทรสงครามอยู่ดี: การขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สร้างสรรค์ฐานนิเวศวัฒนธรรมและวิถีชีวิตชุมชน” ประจําปี พ.ศ. 2564 ภายใต้แผนงานวิจัย “การพัฒนาพื้นที่ ด้วยองค์ความรู้จากมหาวิทยาลัย” เพื่อยกระดับพื้นที่เป้าหมายด้วยองค์ความรู้จากมหาวิทยาลัย ซึ่งการดําเนินการ ในพื้นที่ “จังหวัดสมุทรสงคราม” พบว่า แม่น้ําแม่กลองเป็นตัวแปรสําคัญที่ทําให้เกิดนิเวศวิทยาวัฒนธรรมที่มีความหลากหลาย โดยทําให้เกิดนิเวศน้ําเค็ม นิเวศน้ํากร่อย และนิเวศน้ําจืด ซึ่งเป็นมูลเหตุปัจจัยที่ทําให้พื้นที่ สมุทรสงครามเต็มไปด้วยวิถีวัฒนธรรมทรงคุณค่าเป็นจํานวนมาก และส่งประโยชน์สืบเนื่องมาเป็นความหลากหลายและซับซ้อนของวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของผู้คนที่อยู่อาศัยในเมืองแม่กลอง
ผลผลิตของโครงการ คือ ฐานข้อมูลนิเวศวิทยาวัฒนธรรมเพื่อการจัดการองค์ความรู้ และขับเคลื่อน เครือข่ายการพัฒนาเชิงพื้นที่โดยกระบวนการวิจัยโดยการมีส่วนร่วมกับทุกภาคส่วนเพื่อขับเคลื่อนในเชิงนโยบาย และการจัดการเชิงพื้นที่ ในรูปแบบสารสนเทศเชิงพื้นที่ (Spatial Data) และข้อมูลเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์ (Attribute Data) เพื่อถอดรหัสสหสัมพันธ์ในพื้นที่ จากการศึกษาพบว่า จังหวัดสมุทรสงครามแม้จะมีขนาดเล็ก ทว่ากลับเต็ม ไปด้วยความหลากหลายทางวัฒนธรรมและมีศักยภาพสูง รอคอยการเจียรนัยให้แวววาวมีมูลค่าทางเศรษฐกิจที่ สูงขึ้น (Value Added) เพื่อนําไปสู่การเพิ่มรายได้ในขณะที่สามารถควบคุมต้นทุนให้คงที่ หรือลดต้นทุน (Lean Cost) เพื่อให้มีผลกําไร (Profit) ที่สูงขึ้น อันจะเป็นการยกระดับเศรษฐกิจของพื้นที่ขึ้นได้อย่างเป็นรูปธรรม ตลอดจนได้เริ่มต้นสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน ชุมชน ผู้ประกอบการ ศาสนสถาน อย่างเข้มแข็งอันเป็นต้นทุนในการต่อยอดการดําเนินการในระยะต่อไป

