สวทช. โดย “ไบโอเทค” จับมือ กรมป่าไม้ เดินหน้าโครงการ “การอนุรักษ์และฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพและเสริมสร้างเศรษฐกิจฐานรากของชุมชนฯ  อันเนื่องมาจากโครงการพระราชดำริ ในรูปแบบโมเดล BCG”  ชูพื้นที่เหมืองผาแดง จ.ตาก เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ ก่อนขยายผล สู่ชุมชนอื่นๆ  ***ล่าสุดลงพื้นที่ มอบองค์ความรู้ให้ภาคีเครือข่ายชุมชนผาแดงอีกรอบ โดยจัดบูธโชว์ผลงาน 9โครงการย่อย ใน 3 กลุ่มหลัก ทั้ง ถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อชุมชน/ การสร้างผลิตภัณฑ์มูลค่าสูงจากวัสดุเกษตรเหลือใช้/ และการสร้างชุดข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพ/  พร้อมมอบไผ่รวกใหญ่ 5,000 ตัน และ Seed Balls กว่า 2,500 ลูก ช่วยฟื้นฟูป่าด้วย10ไม้ใหญ่เศรษกิจ หวังรักษาสิ่งแวดล้อมพร้อมสร้างรายได้ให้ชุมชนแบบยั่งยืน

ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)  ร่วมกับโครงการส่งเสริมการเรียนรู้เพื่อการอนุรักษ์และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.ตาก (ผาแดง) ภายใต้การสนับสนุนของ สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.)  รวมถึงภาคีเครือข่ายต่าง ๆ  ร่วมกันส่งมอบองค์ความรู้ด้านการอนุรักษ์ฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพและเสริมสร้างเศรษฐกิจฐานรากของชุมชนในพื้นที่เหมืองผาแดง จำนวน 9 โครงการย่อย  โดยจัดแบ่งเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้คือ กลุ่มความหลากหลายทางชีวภาพ/ กลุ่มผลิตภัณฑ์จากวัสดุเกษตร/ และกลุ่มการถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อชุมชน/  ให้กับกรมป่าไม้และชุมชนรอบผาแดงเพื่อเป็นกลไกในการสร้างความยั่งยืนและยกระดับเศรษฐกิจชุมชน รวมถึงรักษาสิ่งแวดล้อมในพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งจะเป็นประโยชน์สูงสุดแก่ชุมชน และ จ.ตาก ในระยะยาวต่อไป  

ดร.สิทธิโชค ตั้งภัสสรเรือง รองผู้อำนวยการ ไบโอเทค สวทช. กล่าวว่า จากแนวพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงมีพระราชดำริให้พัฒนาพื้นที่เหมืองผาแดง จ. ตาก ซึ่งเคยเป็นเหมืองแร่สังกะสี ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ธรรมชาติเพื่อการอนุรักษ์อย่างยั่งยืน ทางไบโอเทค  จึงได้ดำเนินโครงการ “การอนุรักษ์ฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพและเสริมสร้างเศรษฐกิจฐานรากของชุมชนในพื้นที่เหมืองผาแดง ตามโมเดล BCG” โดยมีระยะเวลาดำเนินงานในปี พ.ศ. 2567 – 2568 เพื่อส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและภูมิปัญญาท้องถิ่นอย่างยั่งยืน  ซึ้งโครงการนี้ แบ่งเป็น 3 กลุ่มหลัก A-B-C  ประกอบด้วย 9 โครงการย่อย  ดังนี้ //   กลุ่ม A  การจัดทำฐานข้อมูลสำคัญความหลากหลายทางชีวภาพของพื้นที่  ได้แก่ (1)  การสร้างคลังข้อมูลจุลินทรีย์กลุ่มเห็ด ทั้งเห็ดป่าที่บริโภคได้และเห็ดสมุนไพร และ(2) การทำคลังข้อมูลที่สามารถควบคมแมลงศัตรูพืช และราทำลายแมลงได้  ซึ่งฐานข้อมูลเหล่านี้ คือขุมทรัพย์ทางความรู้ที่จะเป็นรากฐานในการต่อยอดใช้ประโยชน์จากทรัพยากรชีวภาพอย่างยั่งยืนในอนาคต//

กลุ่ม B  การนำวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรของชุมชน  ให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่ม โดยไบโอเทค ได้นำหลักวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมายกระดับ ได้แก่  (3) การพัฒนา “กาแฟหมักยีสต์” เพื่อสร้างเอกลักษณ์ใหม่ให้กับกาแฟแม่สอด (4) การแปรรูปเปลือกกาแฟที่เคยเป็นของเหลือทิ้งให้กลายเป็น “น้ำส้มสายชูหมัก” มูลค่าสูง  และ (5) การสร้าง “อิฐชีวภาพ” จากเศษวัสดุการเกษตร  มาสร้างเป็นบ้านเล็ก Shelter ที่สามารถใช้งานได้จริง //  กลุ่ม C ถ่ายทอดเทคโนโลยี ให้ชุมชน สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง ไม่ได้เก็บไว้บนหิ้ง  ได้แก่ (6) การปลูกมะเขือเทศเชอรี่อินทรีย์ในโรงเรือน เพื่อสร้างรายได้เสริมทำให้ชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองได้ (7) การใช้เทคโนโลยีผลิต “Seed balls” เพื่อฟื้นฟูป่า  (8) การปลูกเชื้อเห็ดเศรษฐกิจ อย่างเห็ดเผาะและเห็ดระโงกให้กับกล้าไม้วงศ์ยางเพื่อสร้างรายได้ควบคู่การปลูกป่า  และ (9) การใช้ชีวภัณฑ์เกษตรเพื่อทำเกษตรอินทรีย์   ซึ่งภายในงานทีมวิจัยไบโอเทค ได้นำเสนอผลงานและผลผลิตจากโครงการฯ  โดยมีบูทนิทรรศการและผลิตภัณฑ์ของทั้ง 9 โครงการย่อย จากชุมชนให้ร่วมชมอีกด้วย                                                                                    

“โครงการเหมืองผาแดงถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญ  แต่ ไบโอเทค  สวทช. มองไกลไปถึงการขยายผล องค์ความรู้และนวัตกรรมเพื่อร่วมขับเคลื่อนศักยภาพ ของ อ.แม่สอด และจ.ตาก เมืองดึงดูด-น่าอยู่-น่าลงทุน”  โดยเราพร้อมที่จะนำศักยภาพ เทคโนโลยีและนวัตกรรม เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของ การพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษและการส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ หรือ BCG  ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในวงกว้าง  โดยนำเทคโนโลยีการเกษตรแม่นยำมาปรับใช้  ในการเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน สร้างมูลค่าเกษตรให้สูงขึ้น และการนำแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนมาประยุกต์ใช้กับการจัดการของเสียในภาคอุตสาหกรรมและชุมชนเมืองอย่างเต็มรูปแบบ” ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลาการดำเนินงาน ได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจากภาครัฐ และเอกชน รวมถึงเครือข่ายใน จ.ตาก อาทิ กรมป่าไม้ ม.ราชภัฏกำแพงเพชร สำนักงานหอการค้า จ.ตาก  ททท. ตลอดจนองค์กรชุมชนและภาคประชาชน ซึ่งล้วนมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนพื้นที่ผาแดงให้เป็นแหล่งเรียนรู้และสร้างรายได้อย่างยั่งยืน”ดร.สิทธิโชค กล่าวว่า

นายประเดิม เดชายนต์บัญชา รองผู้ว่าราชการ จ.ตาก  ในฐานะผู้แทนเปิดงาน กล่าวถึง ประโยชน์จากโครงการนี้ว่า จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงใน 3 มิติ คือ การสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ/ การเกษตรปลอดภัยและยั่งยืน/ และการอนุรักษ์และฟื้นฟู/  ตามแนวทาง BCG ที่ สวทช. ได้วางรากฐานไว้  ซึ่ง จ. ตาก พร้อมจะสนับสนุนและส่งเสริมให้องค์ความรู้เหล่านี้ถูกนำไปใช้ประโยชน์จริงในชุมชนต่าง ๆ ผลักดันให้เกิดผู้ประกอบการรุ่นใหม่ และพัฒนาผลิตภัณฑ์จากโครงการให้เป็นสินค้าอัตลักษณ์ของจังหวัดต่อไป   โดยในการนี้ นอกจาก ทาง จ.ตาก แล้ว ยังมี ผู้แทนอธิบดีกรมป่าไม้ ผู้แทนเลขาธิการสำนักงาน กปร. หัวหน้าโครงการส่งเสริมการเรียนรู้เพื่อการอนุรักษ์และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมฯ ผู้บริหาร ม.ราชภัฏกำแพงเพชร/แม่สอด  ผู้บริหารงานราชการ/เอกชน  นักเรียน นักศึกษา และตัวแทนชุมชน ร่วมงานอย่างคับคั่ง กว่า 200 คน  ซึ่งเชื่อว่าจะนำไปต่อยอดสู่ชุมชนในจังหวัดอื่นๆ ได้ต่อไป

นอกจากนี้  สวทช. โดย ไบโอเทค  ยังจัด “กิจกรรมส่งมอบ กล้าไผ่รวกใหญ่รู้อายุ จำนวน  5,000 ต้น เพื่อใช้ในการฟื้นฟูสภาพป่า และกิจกรรมปลูกฟื้นฟูป่าด้วย Seed balls ” ซึ่งเป็นผลผลิตจากงานวิจัยของ สวทช. กว่า 2,500 ลูก  ผ่านโครงการ “การอนุรักษ์ฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพและเสริมสร้างเศรษฐกิจฐานรากของชุมชนในพื้นที่เหมืองผาแดงฯ” ณ พระธาตุผาแดง อ.แม่สอด จ.ตาก เพื่อร่วมกันพลักดันพื้นที่เหมืองผาแดง ที่เดิมเป็นเหมืองแร่สังกะสี ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ทางธรรมชาติ และช่วยส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ สร้างเศรษฐกิจชุมชน ที่เพิ่มขึ้นจากการฟื้นฟูป่า  โดยงานนี้ มีนายธันยบูรณ์ สุนทรสัตถาพร ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง ร่วมเป็นสักขีพยานและร่วมรับมอบฯ ในงานดังกล่าว

ดร.สิทธิโชค ตั้งภัสสรเรือง รองผู้อำนวยการ ไบโอเทค สวทช. กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า กล้าไผ่ ที่ ไบโอเทค ส่งมอบให้นี้นี้ เป็นผลผลิตจากโครงการคัดเลือกไผ่รู้อายุพันธุ์ดี และการใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืชในห้องปฏิบัติการ ทำให้ได้กล้าไผ่ที่มีคุณภาพดี ปลอดโรค ซึ่งจะช่วยให้การวางแผนการปลูกและการคาดการณ์การเจริญเติบโตแม่นยำยิ่งขึ้น ส่งผลให้การฟื้นฟูป่ารวดเร็วกว่าเดิม รวมถึง “Seed balls”  ซึ่งก็คือ นำเมล็ดพันธุ์ไม้ป่ามาห่อหุ้มด้วยดินเหนียวและสารอาหารที่จำเป็น เพื่อเกราะคุ้มกันและเสบียงอาหารให้แก่เมล็ดพันธุ์  ช่วยปกป้องศัตรูพืชและสภาพอากาศแห้งแล้ง  และยังเพิ่มอัตราการงอกให้สูงขึ้น ทำให้ปลูกป่าได้ง่ายขึ้น เพียงแค่นำไปวางหรือโยนในพื้นที่เป้าหมายก็สามารถเติบโตเป็นต้นไม้ใหญ่ได้

ด้าน ดร.ชาญวิทย์ สุริยฉัตรกุล หัวหน้าทีมวิจัยความหลากหลายและการใช้ประโยชน์จุลินทรีย์ ไบโอเทค สวทช.  ในส่วน Seed balls ทางไบโอเทค ได้มีการถ่ายทอดองค์ความรู้ สุ่ชุมชน โดยนำจุลินทรีย์ที่มีส่วนส่งเสริมการเจริญเติบโต เพิ่มธาตุอาหาร ผลิตฮอร์โมนพืช และมีความทนทานต่อสภาวะที่ไม่เหมาะสม มาใช้ เพื่อเพิ่มอัตราการงอกและการรอดชีวิตของพืชป่าเป้าหมาย ให้กับพืชป่ามากกว่า 10 ชนิด  อาทิ ต้นจามจุรีสีทอง(พฤกษ์) ชัยพฤกษ์ กาฬพฤกษ์ พะยูง ประดู่ป่า ชิงชัน กระพี้จั่น สาธร เสลา อินทนิล และไม้แดง  ซึ่งไม้เหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นพืชที่มีดอกสวยงามสีชมพูม่วง และพืชเศรษฐกิจที่ให้เนื้อไม้มูลค่าสูง  ซึ่งSeed balls เป็นนวัตกรรมที่เหมาะสมอย่างยิ่ง สำหรับการฟื้นฟูป่าในพื้นที่ลาดชันและพื้นที่ที่เข้าถึงได้ยาก

ดร.ยี่โถ ทัพภะทัต นักวิจัยทีมวิจัยนวัตกรรมโรงงานผลิตพืชสมุนไพร ไบโอเทค สวทช. ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ไบโอเทค สวทช. ได้ส่งมอบ “ต้นไผ่รวกใหญ่รู้อายุ” จำนวน 5,000 ต้นที่ผ่านการคัดเลือกจากการเพาะเมล็ดว่ามีลักษณะที่ดีเด่น สม่ำเสมอ และใช้เป็นต้นแม่พันธุ์ในการขยายต้นพันธุ์ด้วยการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อในห้องปฏิบัติการ ให้แก่โครงการฯ เพื่อสนับสนุนการฟื้นฟูป่าและส่งเสริมไผ่เศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ปัจจุบัน นอกเหนือจากวิธีการคัดเลือกพันธุ์ไผ่จากเมล็ดด้วยการบูรณาการทั้งด้านจีโนมิกส์และฟีโนมิกส์แล้ว ทางไบโอเทค ยังมีนวัตกรรมเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อระบบโซมาติกเอมบริโอเจเนซิส สำหรับการตัดอายุของไผ่ที่ออกดอกและกำลังทยอยตาย โดยการสร้างเอมบริโอใหม่จากดอกของต้นแม่พันธุ์ลักษณะดี ซึ่งไผ่สายพันธุ์ใหม่ที่ได้ จะมีอายุเริ่มต้นเหมือนการเพาะเมล็ดแต่มีลักษณะดีเด่นเหมือนต้นแม่ที่กำลังตายขุย สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างยั่งยืน ขยายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็วและมีคุณภาพเพียงพอต่อความต้องการในการปลูกป่าไผ่ในวงกว้าง เทคโนโลยีนี้จึงเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความมั่นคงด้านทรัพยากรไผ่ และเป็นฐานในการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากของชุมชนต่อไป 

ด้านนายกานดิษฏ์ สิงหากัน หัวหน้าโครงการส่งเสริมการเรียนรู้เพื่อการอนุรักษ์และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.ตาก  กล่าวว่า  กิจกรรมในโครงการนี้ฯ นี้ ถือเป็นการเริ่มต้นการส่งมอบผลงานด้วย “อนาคตสีเขียว” คืนสู่ผืนดิน  ถือเป็นก้าวสำคัญในการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาใช้เป็นเครื่องมือในการอนุรักษ์ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน และคาดหวังว่าเครื่องมือเหล่านี้จะเป็นประโยชน์และช่วยเร่งให้พื้นที่ผาแดงกลับมาอุดมสมบูรณ์เป็นแหล่งเรียนรู้สีเขียวต่อไป

https://www.kaosanonline.com/?p=79479

By admin

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *