หัวเว่ย เปิดตัวโซลูชัน Xinghe Intelligent Fabric รุ่นอัปเกรด ในงาน Huawei Network Summit 2025 (Asia Pacific) ที่ฮ่องกง เมื่อ 10 มิถุนายน 2568 ภายใต้ธีม “Xinghe Intelligent Fabric, Powering the AI Era” โดยโซลูชันที่ได้รับการอัปเกรดนี้ ได้รับการออกแบบมาเพื่อมอบโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายที่แข็งแกร่ง รองรับการพลิกโฉมสู่ความอัจฉริยะดิจิทัลให้กับองค์กรธุรกิจทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

หวัง อี้ตง ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและการขายโซลูชัน ICT ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ของหัวเว่ย กล่าวปาฐกถาพิเศษว่า “หัวเว่ยได้วางโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายศูนย์ข้อมูลที่ล้ำสมัยให้องค์กรในหลากหลายอุตสาหกรรมทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โซลูชันเครือข่ายของเราเปี่ยมด้วยประสิทธิภาพ ความเสถียรและความปลอดภัยขั้นสูง ช่วยเสริมศักยภาพให้ลูกค้าสามารถขับเคลื่อนนวัตกรรมทางธุรกิจ พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานได้อย่างเต็มศักยภาพ”

อาเธอร์ หวัง ประธานกลุ่มผลิตภัณฑ์เครือข่ายศูนย์ข้อมูล ฝ่ายผลิตภัณฑ์สื่อสารข้อมูลของหัวเว่ย กล่าวปาฐกถาพิเศษ

อาเธอร์ หวัง ประธานกลุ่มผลิตภัณฑ์เครือข่ายศูนย์ข้อมูล ฝ่ายผลิตภัณฑ์สื่อสารข้อมูลของหัวเว่ย กล่าวเพิ่มเติมว่า “ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และวิวัฒนาการของสถาปัตยกรรมระบบคลาวด์ ทำให้เครือข่ายศูนย์ข้อมูลกำลังเผชิญกับจุดเปลี่ยนสำคัญ โดยโซลูชัน Xinghe Intelligent Fabric เวอร์ชันอัปเกรด ได้รับการออกแบบภายใต้สถาปัตยกรรมเครือข่ายแบบ 3 ชั้น ได้แก่ AI Brain, AI Connection และ AI Network Element ซึ่งทำงานร่วมกันเพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายศูนย์ข้อมูลที่มีความเสถียร แข็งแกร่ง และสามารถรองรับการเชื่อมต่อกับพลังประมวลผลขนาดใหญ่ เพื่อสนับสนุนการให้บริการที่ต่อเนื่อง”

· AI Brain: ใช้ประโยชน์จากแผนที่เครือข่ายดิจิทัลของหัวเว่ย ร่วมกับ NetMaster (ระบบตัวแทนเครือข่าย) เลเยอร์นี้มีบทบาทสำคัญในการปรับใช้กระบวนการต่าง ๆ โดยอัตโนมัติ รวมถึงการผสานการจำลองด้านเครือข่ายและความปลอดภัย นอกจากนี้ยังสามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้ถึง 80% โดยอัตโนมัติ ซึ่งช่วยยกระดับประสิทธิภาพด้านการปฏิบัติงานและการบำรุงรักษา (O&M) ได้อย่างมีนัยสำคัญ

· AI Connection: ใช้ประโยชน์จากอัลกอริทึม Network-Scale Load Balancing (NSLB) ที่เป็นเอกลักษณ์ของหัวเว่ย เลเยอร์นี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการวางแผนเส้นทาง ลดข้อจำกัดด้านประสิทธิภาพของเครือข่าย และเพิ่มประสิทธิภาพการฝึกฝน AI ได้มากกว่า 10% นอกจากนี้ ระบบ iReliable ที่มาพร้อมเทคโนโลยีความน่าเชื่อถือระดับสามชั้น รวมถึงความสามารถในการต้านการสูญเสียสัญญาณในโมดูลออปติคัล และการตรวจจับสิ่งสกปรกหรือการหลวมของช่องสัญญาณ ซึ่งทั้งหมดนี้ช่วยให้มั่นใจได้ว่าบริการจะดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่มีการสะดุด

· AI Network Element: ถูกพัฒนาขึ้นบนพื้นฐานของสวิตช์ศูนย์ข้อมูลตระกูล CloudEngine และโมดูลออปติคัล StarryLink เลเยอร์นี้มีความสามารถในการตรวจจับปริมาณข้อมูลแบบละเอียด พร้อมแสดงภาพรวมการสูญเสียแพ็กเก็ตและค่าความหน่วงของเครือข่ายแบบเรียลไทม์อย่างชัดเจน นอกจากนี้ ยังมาพร้อมคุณสมบัติด้านความปลอดภัยเชิงโครงสร้าง (Intrinsic Security) และการแยกกลุ่มการสื่อสาร (Group Isolation) ซึ่งช่วยยกระดับมาตรการความปลอดภัยของเครือข่ายโดยรวมได้อย่างมีนัยสำคัญ

ในช่วงบรรยายดังกล่าว ยังได้รับเกียรติจาก เวลคัม ชาน ผู้อำนวยการฝ่ายความปลอดภัยด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและเครือข่าย ธนาคาร Chong Hing และ อดัม ลัม สถาปนิกโซลูชัน บริษัท Hong Kong Broadband Network ร่วมถ่ายทอดประสบการณ์จากความร่วมมือกับหัวเว่ย พร้อมนำเสนอกรณีศึกษาการประยุกต์ใช้โซลูชันด้านเครือข่ายในภาคธุรกิจจริง นอกจากนี้ ยังได้รับเกียรติจาก ดร. ดาริโอ รอสซี (Dario Rossi) ผู้อำนวยการห้องปฏิบัติการเทคโนโลยีอัลกอริทึมและการวัดเครือข่าย สายงานผลิตภัณฑ์เครือข่ายข้อมูล ศูนย์วิจัยหัวเว่ย กรุงปารีส มาร่วมบรรยายพิเศษเกี่ยวกับแนวโน้มและทิศทางการพัฒนาเครือข่ายดาต้าเซ็นเตอร์ในยุค AI

ในอนาคต หัวเว่ยจะเดินหน้าขับเคลื่อนความร่วมมือกับพันธมิตรและลูกค้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมความแข็งแกร่งด้านการวิจัยและพัฒนา รวมถึงการสร้างสรรค์นวัตกรรมในเทคโนโลยีเครือข่ายศูนย์ข้อมูล โดยมีเป้าหมายในการยกระดับเครือข่ายอัจฉริยะและสนับสนุนการพัฒนาไปสู่ยุคใหม่ของเครือข่ายดิจิทัล พร้อมผลักดันองค์กรในทุกอุตสาหกรรมที่รองรับอนาคตด้วยโซลูชันล้ำสมัย

https://www.kaosanonline.com/?p=79351

By admin

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *