วันที่ 8 ตุลาคม 2568 เวลา 09.00 น. ณ ห้องการะเกด ชั้น 3 โรงแรมกรุงศรีริเวอร์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายประพันธ์ ตรีบุบผา รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มอบหมายให้ นายณรงค์วิทย์ พบพาน หัวหน้าสำนักงานจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นประธานเปิดการสัมมนาเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจด้านพลังงานสะอาด ภายใต้ “โครงการสร้างเครือข่าย ความรู้พลังงาน เตรียพร้อมสู่ Energy Transition” โดยมี ดร.จิตรา แสงวัฒนาฤกษ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดลพบุรี กล่าวต้อนรับ นายชัยกฤต พุ่มเข็ม ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายพงศา แสนใจงาม ประธานคณะทำงานโครงการฯ หัวหน้าส่วนราชการ ที่ปรึกษาและคณะกรรมการบริหารสภาอุตสาหกรรมจังหวัดลพบุรี ภาคเอกชน ภาครัฐ นักวิชาการ ภาคประชาชน และสื่อสารมวลชน เข้าร่วมการสัมมนาในครั้งนี้
นายณรงค์วิทย์ พบพาน กล่าวว่า เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบัน ทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยกำลังให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลงไปสู่การใช้พลังงานสะอาด เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและชะลอการเกิดปัญหาโลกเดือด ซึ่งประเทศไทยเองได้ตั้งเป้าหมายที่จะบรรลุ Carbon Neutrality ในปี ค.ศ. 2050 และ Net Zero Emission ในปี ค.ศ. 2065 หรือสรุปง่ายๆ คือ เราต้องเร่งปรับตัวไปสู่การใช้พลังงานสะอาดมากขึ้น เร็วขึ้น จึงเป็นที่มาของการจัดงานสัมมนาในวันนี้ เพื่อเผยแพร่ความรู้ให้พวกเราทุกคนได้เข้าใจ ปรับตัว และเตรียมความพร้อมล่วงหน้าได้
เรื่องพลังงานถือเป็นเรื่องใกล้ตัว ตัวอย่างเช่นค่าไฟฟ้าที่เป็นต้นทุนของทุกคน ซึ่งที่ผ่านมาบางส่วนให้ความสำคัญสูงกับการติดตามสถานการณ์และบริหารต้นทุนด้านพลังงานอยู่ตลอดเวลา เพื่อดำเนินธุรกิจให้อยู่รอดในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน แต่เข้าใจว่าส่วนใหญ่มักจะตื่นตัวกับเรื่องพลังงานเฉพาะในช่วงที่ค่าไฟฟ้าแพงขึ้น แต่พอราคาค่าไฟฟ้าลดลง หลายคนก็กลับไปใช้ชีวิตปกติและเลิกสนใจหรือติดตามเรื่องพลังงาน ทั้งๆ ที่เรื่องพลังงานมีความผันผวนเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ทั้งจากปัจจัยภายในประเทศ อาทิเช่น นโยบายพลังงาน, การบริหารจัดหาเชื้อเพลิง, การส่งเสริมและสนับสนุนต่างๆ ฯลฯ และปัจจัยภายนอกประเทศ อาทิเช่น ราคานำเข้าพลังงาน, มาตรการด้านสิ่งแวดล้อม ฯลฯ ซึ่งมีส่วนผลักดันให้ประเทศไทยมุ่งสู่การใช้พลังงานสะอาดมากขึ้นและมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วขึ้น ดังนั้นหากทุกคนหันมาให้ความสนใจ และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดจะมีส่วนช่วยให้เข้าใจการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานได้ดีขึ้น และปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อทุกท่านด้วยเช่นกัน รวมถึงสามารถเสนอความคิดเห็นไปยังภาครัฐ เพื่อปรับแนวทาง หรือนโยบายด้านพลังงานให้สอดคล้องกับทุกภาคส่วนได้ ต่อไป