เครือข่ายเทศบาล-เครือข่ายผู้นำเมือง สานพลัง ภาครัฐ-เอกชน เครือข่ายนักวิจัย และ หน่วยบริหารจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) ระดมสมองแก้โจทย์เมือง ด้วย 4 ยุทธศาสตร์ ผ่าน 62 กลไก บน 50 พื้นที่ต้นแบบ ใน 38 เมืองแห่งการเรียนรู้ พร้อมเดินหน้าสถาปนา”สถาบันความรู้เพื่อการพัฒนาเมือง”

ดร.สีลาภรณ์ บัวสาย ที่ปรึกษาวิทยสถาน “ธัชภูมิ” เพื่อการพัฒนาพื้นที่ หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) กล่าวถึงการจัดงาน City Solution Days “เปิดเมือง เปลี่ยนเมือง สู่อนาคตเมืองน่าอยู่”ว่า เป็นเวทีสำคัญที่สะท้อนถึงบทบาทและภารกิจของ บพท. .ในมิติของการขับเคลื่อนงานเชิงระบบและกลไกด้านการพัฒนาเชิงพื้นที่ ซึ่งเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วน ทั้งผู้นำเมือง เทศบาลนครและเทศบาลเมือง ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ประชาคมเครือข่ายนักวิจัย นักวิชาการ และผู้เกี่ยวพันกับการแก้ไขปัญหาเมือง ให้เข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางและตอบโจทย์ด้านการพัฒนาเมืองที่สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่ ตรงตามความต้องการของประชาชนในการยกระดับคุณภาพชีวิต ด้วยชุดความรู้งานวิจัย และต่อยอดการนำองค์ความรู้ไปใช้ประโยชน์จริงในเชิงพื้นที่ อันจะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของเมืองในทุกมิติ

รศ.ดร.ปุ่น เที่ยงบูรณธรรม รองผู้อำนวยการฝ่ายแผนและยุทธศาสตร์องค์กร บพท. กล่าวว่า การขับเคลื่อนงานวิจัย และนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาเมืองน่าอยู่และการกระจายศูนย์กลางความเจริญของ บพท. ซึ่งเป็นพันธกิจสำคัญของ บพท.นอกเหนือจากพันธกิจในการแก้ปัญหาความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำ พันธกิจในการพัฒนาชุมชนนวัตกรรม พันธกิจในการพัฒนาฐานทุนวัฒนธรรม และพันธกิจในการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก จะมุ่งเน้นสร้างการเปลี่ยนแปลงระหว่างคนกับเมืองเพื่อให้เมืองมีความน่าอยู่สำหรับทุกคน และสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจให้แก่คนในพื้นที่ รวมถึงการดึงดูดผู้คนที่มีศักยภาพให้เข้ามาร่วมพัฒนาเมืองหรือชุมชนมากยิ่งขึ้น ด้วยกลไกการพัฒนาที่สำคัญ 4 ด้าน ได้แก่ 1.การพัฒนาความร่วมมือทางสังคม 2.การพัฒนาข้อมูลและองค์ความรู้ของเมือง 3.การพัฒนาเครื่องมือทางการเงินและการจัดการทุนของเมือง และ 4. ด้านนโยบายและแผนพัฒนาของเมือง
“ที่ผ่านมาสามารถผลักดันให้เกิดการลงทุนของเมืองในการบริหารจัดการเมือง (ด้านการแข่งขัน) ระบบการจ้างงาน ทำให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น นำไปสู่การเติบโตของเมืองอย่างยั่งยืน โดยมีรูปธรรมความสำเร็จ คือ1. เกิดกลไกแผนงานและแนวทางในการบริหารจัดการเชิงพื้นที่ จำนวน 62 กลไก มีโครงการนำร่องสองด้าน คือ “Smart Environment” และ “Smart Mobility” 2. พื้นที่ต้นแบบบนฐานเศรษฐกิจสีเขียวและห่วงโซ่อุปทาน จำนวน 18 พื้นที่ 3. พื้นที่ต้นแบบเมืองคาร์บอนต่ำ จำนวน 9 พื้นที่ 4. เกิดตัวแบบการจัดการที่อยู่อาศัย จำนวน 11 พื้นที่ 5. การพัฒนาเมืองศูนย์กลางที่น่าอยู่และชาญฉลาด (Livable and Smart City) ด้วยระบบการจัดการข้อมูลเมือง จำนวน 12 พื้นที่ และ 6. เกิดพื้นที่ต้นแบบ Learning City ตามแนวทางปฏิบัติ เกณฑ์และตัวชี้วัดที่สอดคล้องกับแนวทางสากล ผลักดันความร่วมมือระดับนานาชาติ ASEAN+3 Learning Cities Network จำนวน 38 เมือง
ทั้งนี้ บพท. ได้สร้างฐานข้อมูลเมืองครอบคลุมกว่า 43 มิติที่เกี่ยวพันกับวงจรการใช้ชัวิตของคนในพื้นที่ และพัฒนาเครื่องมือนวัตกรรมเพื่อการจัดการเมืองกว่า 36 เครื่องมือ ด้วยระบบ Dashboard และแพลตฟอร์ม Open Data เพื่อประกอบการตัดสินใจเชิงนโยบายของเมือง อีกทั้งยังได้สนับสนุนให้มีการจัดตั้งบริษัทพัฒนาเมืองจำนวน 20 แห่งทั่วประเทศ และหลักสูตรนักพัฒนาเมืองระดับสูง (พมส.) เพื่อยกระดับทักษะและศักยภาพของผู้นำท้องถิ่นและผู้เกี่ยวข้องกว่า 70 แห่งทั่วประเทศ
ในปี 2567 หน่วย บพท. ริเริ่มจัดตั้ง City Incubator and Accelerator Program (CIAP)” โครงการวิจัยบ่มเพาะและเร่งรัดกระบวนการเพื่อมุ่งหน้าสู่อนาคตเมืองน่าอยู่ ภายใต้การทำงานร่วมกันของสมาคมเทศบาลนครและเมืองในพื้นที่ 18 เมืองนำร่อง และเครือข่ายมหาวิทยาลัย เพื่อสร้าง Knowledge Infrastructure บ่มเพาะองค์ความรู้ และต่อยอดนำไปสู่การสร้าง“สถาบันความรู้เพื่อการพัฒนาเมือง” ด้วยชุดความรู้ที่ถูกออกแบบให้สอดคล้องกับบริบทพื้นที่และบริบทสังคม การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี และการเชื่อมโยงเครือข่ายการพัฒนาเมือง โดยยึดหลักการพัฒนาเมืองอย่างสมดุลและยั่งยืน
อย่างไรก็ตาม โจทย์สำคัญที่พบในการขับเคลื่อนงานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาเมืองน่าอยู่ฯ คือ ประสิทธิภาพการลงทุนของท้องถิ่น ทั้งจากภาครัฐและเอกชน ซึ่งภาวะการณ์เงินในปัจจุบันเริ่มส่งสัญญาณว่าไม่เพียงพอและอีก 5 ปีข้างหน้าการถดถอยของเมืองจะเริ่มเห็นนัยสำคัญ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องนำเอาชุดความรู้ไปช่วยยกระดับประสิทธิภาพการลงทุนของเมือง เสริมศักยภาพในการเข้าถึงแหล่งทุน และจำเป็นจะต้องหาผู้ดำเนินการในโครงการที่สำคัญกับเมือง เช่น ขนส่งสาธารณะ การจัดการขยะฯลฯ จะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของท้องถิ่นเพียงลำพังไม่ได้

รศ.ดร.ปุ่น รองผู้อำนวยการ บพท. ยังกล่าวด้วยว่า งานพัฒนาเมืองฯ ที่ บพท. จะผลักดันให้เกิดขึ้น ในปีต่อไป จะมุ่งเน้น 4 ยุทธศาสตร์หลักที่เมืองมีศักยภาพและมีความคุ้มค่า อันดับแรกคือ กลุ่มเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกับ Green Transformation สอง คือ กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับทุนวัฒนธรรม-ซอฟท์พาวเวอร์ ในทุก ๆ เมืองที่มีศักยภาพสอดรับกับการท่องเที่ยว สาม คือ กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับ Wellness หรือธุรกิจทางด้านสุขภาพ เนื่องจากเกือบทุกเมืองเข้าสู่ภาวะเมืองผู้สูงอายุ ซึ่งจะต้องมีกระบวนการออกแบบรองรับ และสี่ คือการเปลี่ยนเมืองเข้าสู่ Digital Economy โดยเร็ว โดยเฉพาะเมืองที่มีมหาวิทยาลัย และคนรุ่นใหม่
“บทบาทของนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด นายกเทศมนตรี หรือผู้นำเมืองในยุคใหม่ ไม่ควรถูกจำกัดอยู่เพียงการดูแลระบบสาธารณูปโภคและบริการพื้นฐานเท่านั้น แต่ควรขับเคลื่อนด้วยวิสัยทัศน์ที่ให้ความสำคัญกับทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจของเมือง โดยมุ่งพิจารณาว่าเศรษฐกิจในพื้นที่จะเติบโตและเปลี่ยนแปลงไปในแนวทางใด เพื่อให้การบริหารท้องถิ่นสามารถสร้างทั้งความมั่นคงทางเศรษฐกิจและเปิดโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ ๆ ให้แก่ประชาชนได้อย่างแท้จริง
