คณะกรรมการพิจารณาวินัย มารยาท สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เตรียมนำเหตุการณ์จากการแข่งขันฟุตบอลไทยลีก 3 รอบแชมเปี้ยนส์ลีก โซนล่าง นัดแรก คู่ระหว่าง สโมสรมหาวิทยาลัย นอร์ธ กรุงเทพ กับ บางกอก เอฟซี เข้าสู่กระบวนการพิจารณาวินัย มารยาท

          เกมดังกล่าวมีเหตุการณ์ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บของการแข่งขันครึ่งเวลาหลัง ที่ นาย อิศเรศ น้อยใจบุญ ผู้เล่นหมายเลข 6 ของบางกอก เอฟซี ที่ทำฟาล์วรุนแรง นาย ศุภสัณฑ์ เรืองศุภนิมิตร ผู้เล่นหมายเลข 33 ของ สโมสร มหาวิทยาลัย นอร์ธ กรุงเทพ จนได้รับบาดเจ็บและนำตัวส่งโรงพยาบาล

          โดย พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน ประธานคณะกรรมการพิจารณาวินัย มารยาท เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวถือเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง โดย พล.ต.อ. ดร. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฯ ให้ความสำคัญและได้สั่งการให้ คณะพิจารณาวินัย มารยาท ดำเนินการพิจารณาโดยเร่งด่วน พร้อมทั้งให้ติดตามดูแลนักฟุตบอลที่ได้รับบาดเจ็บเป็นพิเศษ นอกจากนี้ทางด้านคดีได้ให้ฝ่ายกฎหมายของสมาคมฯ ติดตามเรื่องการดำเนินคดี ซึ่งได้มีการแจ้งความร้องทุกข์ไว้ที่สถานีตำรวจภูธรธัญบุรีอย่างใกล้ชิดแล้ว

          สำหรับ ขั้นตอนก่อนเข้าสู่กระบวนการพิจารณา ทางฝ่ายผู้ควบคุมการแข่งขัน, ผู้ประเมินผู้ตัดสิน รวมถึง ผู้ตัดสินที่ทำหน้าที่ในเกมดังกล่าว จะส่งรายงานชี้แจงเหตุการณ์ รวมทั้งคลิปเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นทั้งหมด และนำเข้าสู่กระบวนการพิจารณาวินัย มารยาท ต่อไป

          โดย กฎ ระเบียบข้อบังคับ คณพิจารณาวินัย มารยาท สมาคมฯ ประจำการแข่งขันฤดูกาล 2021/22 ในข้อ 1.1.2 เรื่อง นักกีฬาถูกผู้ตัดสินให้ออกจากการแข่งขัน (ได้รับใบแดง) ด้วยการกระทำผิด ในหมวด 1

(1) ประพฤติผิดอย่างร้ายแรง (Violent Conduct) เช่นนักกีฬาฟุตบอลเจตนาทำร้ายคู่ต่อสู้ โดยไม่ได้เล่นลูกบอล หรือ ลูกบอลไม่อยู่ในระยะของการเล่น หรือใช้กำลังรุนแรงเกินกว่าเหตุ จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่ คู่ต่อสู้ ทั้งนี้ ให้ความหมายถึงการกระทำผิดต่อเจ้าหน้าที่ทีมฝ่ายตรงข้าม นักกีฬาฟุตบอลสำรอง และผู้ตัดสิน โดยความติดตามข้อ (1) และ (2) ต้องถูกพักการแข่งขันครั้งต่อไป และปรับเงินดังนี้

ครั้งที่ 1 ถูกพักการแข่งขัน 2 นัด ปรับเงิน 20,000 บาท
ครั้งที่ 2 ถูกพักการแข่งขัน 3 นัด ปรับเงิน 40,000 บาท
ครั้งที่ 3 และครั้งต่อๆไป ถูกพักการแข่งขัน 4 นัด ปรับเงิน 60,000 บาท

1.12 ทำร้ายร่างกาย บุคคลใด แต่ละกรณีมีโทษดังนี้

(1) ไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย หรือจิตใจของผู้ถูกทำร้าย ถูกพักการแข่งขัน และห้ามเข้าสนาม 1 ถึง 3 นัด และปรับเงินตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 40,000 บาท

(2) เป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายของผู้ถูกทำร้าย ถูกพักการแข่งขัน และห้ามเข้าสนาม 2 นัด ถึง 4 นัด และปรับเงินตั้งแต่ 40,000 บาท ถึง 60,000 บท

(3) เป็นเหตุให้ผู้ถูกทำร้ายได้รับอันตรายสาหัส ถูกพักการแข่งขัน และห้ามเข้าสนาม 3 นัด ถึง 5 นัด และ ปรับเงินตั้งแต่ 60,000 บาท ถึง 80,000 บาท

(4) เป็นเหตุให้ผู้ถูกทำร้ายถึงแก้ความตาย ถูกพักการแข่งขันและห้ามเข้าสนามตลอดชีวิต และ ปรับเงินตั้งแต่ 80,000 บาท ถึง 100,000 บาท

          อนึ่ง เนื่องจาก เหตุการณ์ทำร้ายร่างกายในครั้งนี้เป็นเหตุการณ์ที่สร้างความเสื่อมเสียต่อภาพลักษณ์ของสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ อย่างมาก โดยผู้กระทำมีเจตนาที่จะฝ่าฝืนกฎหมาย ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ผิด จรรยานักกีฬาอาชีพ คณะกรรมการวินัยมารยาท อาจจะไม่ลงโทษ ตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษวินัยมารยาท ข้อ 1.12 ที่มีบทลงโทษห้ามลงทำการแข่งขัน 4 นัด และตั้งแต่ 40,000 บาท ถึง 60,000 บท แต่จะเสนอให้ นายกสมาคมฯ พิจารณาลงโทษ ตาม ระเบียบข้อบังคับ ว่าด้วยจรรยานักกีฬาอาชีพและบุคลากรกีฬาอาชีพ ในความดูแลของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ พ. ศ. 2560 แทน ซึ่งจะต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นทำการสอบสวนเป็นการเฉพาะ และมีบทลงโทษ ห้ามมีส่วนร่วมหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับกีฬา ฟุตบอลที่สมาคมฯ จัดขึ้น

By admin

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *