สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) กระทรวงอุตสาหกรรม   เดินหน้ากิจกรรมส่งเสริมการกำกับดูแล และการบริหารจัดการระบบอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย ชูมาตราการประสิทธิภาพ “ติดตาม ตรวจสอบ โปร่งใส เพื่ออุตสาหกรรมอ้อยไทยที่ยั่งยืน”  ลงพื้นที่เยี่ยมชม ไร่วิชากุล อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี และ โรงงานน้ำตาลมิตรภูหลวง จ.เลย พร้อมตรวจตลาดผลผลิตในอีสานเหนือ สะท้อนแนวทางการบริหารจัดการอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายไทยทั้งห่วงโซ่ ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ

อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย ถือเป็นหัวใจของเศรษฐกิจเกษตรอุตสาหกรรมที่ยั่งยืนของไทย โดยประเทศไทยมีพื้นที่ปลูกอ้อยกว่า 10 ล้านไร่ ครอบคลุมเกษตรกรกว่า 300,000 ครัวเรือน และโรงงานน้ำตาล 58 แห่งทั่วประเทศ สร้างรายได้กว่า 180,000 ล้านบาทต่อปี จากการส่งออกน้ำตาลทรายถือเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากบราซิล และผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง เช่น เอทานอล กระดาษจากชานอ้อย และไฟฟ้าชีวมวล ถือเป็นหนึ่งในกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่มีความสำคัญของประเทศ

นายใบน้อย สุวรรณชาตรี เลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย กล่าวว่า “อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลของไทยไม่เพียงแต่สร้างรายได้ทางเศรษฐกิจ แต่ยังเกี่ยวข้องโดยตรงกับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรและชุมชนจำนวนมาก การกำกับดูแลที่โปร่งใส และการเปิดพื้นที่ให้สื่อมวลชนเข้ามามีส่วนร่วมติดตามการทำงานของภาครัฐ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับทุกฝ่าย และเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเกษตรอุตสาหกรรมให้เติบโตอย่างยั่งยืน”

หนึ่งในไฮไลท์ของการเดินทาง คือการเยี่ยมชม ไร่วิชากุล ของ คุณโสภิษดา วิชากุล ผู้ได้รับรางวัล “ชาวไร่อ้อยดีเด่นที่มีการบริหารจัดการการผลิตที่มีประสิทธิภาพ ประจำปี 2567” บนพื้นที่กว่า 430 ไร่ ถือเป็นไร่อ้อยต้นแบบที่มีการจัดการไร่อ้อย ตั้งแต่การวางแผนปลูกมีการสลับพืชหมุนเวียนระหว่างพักแปลง การบำรุงรักษาดินและพันธุ์อ้อย ไปจนถึงการเก็บเกี่ยวอ้อยที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและยั่งยืน โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม เช่น เครื่องปลูกอ้อยความเร็วสูง (Hi-Speed Planter), การใช้ โดรนพ่นปุ๋ยทางใบ, และการปลูก พืชพักดิน เช่น ปอเทือง ถั่วลิสง และข้าว เพื่อบำรุงดินและลดการใช้สารเคมี

นางสาวโสภิษดา วิชากุล เปิดใจว่า“เราเชื่อว่าการปลูกอ้อยต้องคิดครบทั้งระบบ ไม่ใช่แค่การปลูกไปตามฤดูกาลเพื่อสร้างผลผลิตเท่านั้น  แต่ยังต้องวิเคราะห์ถึงปัจจัยด้านดิน น้ำ อากาศ และสิ่งแวดล้อมรอบตัวร่วมด้วย นอกจากนี้ การปลูกพืชพักดินและใช้เครื่องจักรกลที่เหมาะสมยังช่วยลดต้นทุนการผลิต เพิ่มประสิทธิภาพ และที่สำคัญคือการไม่เผาอ้อยทั้งก่อนและหลังการเก็บเกี่ยว ยังเป็นส่วนสำคัญของการแก้ไขปัญหา PM 2.5”

ทั้งนี้ ผลผลิตของไร่วิชากุลในปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 15–20 ตันต่อไร่ และยังเป็นแปลงทดลองและพัฒนาพันธุ์ของสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย มีสายพันธุ์อ้อยทดลองในแปลงกว่า 21 สายพันธุ์ รวมถึงได้รับรางวัลชนะเลิศการประกวดอ้อยหวาน ใหญ่ ยาว ในงานประชุมใหญ่สมาคมชาวไร่อ้อยอีสานเหนือ เป็นเครื่องยืนยันถึงคุณภาพของผลผลิตอีกด้วย

จากไร่สู่โรงงาน คณะสื่อมวลชนได้เข้าเยี่ยมชมการดำเนินงานของ โรงงานน้ำตาลมิตรภูหลวง จังหวัดเลย ของกลุ่มมิตรผล เพื่อเรียนรู้แนวทางการดำเนินธุรกิจที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและชุมชน โรงงานแห่งนี้มุ่งพัฒนากระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพ ควบคู่ไปกับมาตรการรักษ์โลก เช่น การ รับซื้ออ้อยสด ลดการเผาอ้อย ใช้กระบวนการผลิตที่ช่วย ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ร่วมกับการใช้ เทคโนโลยีสีเขียวและพลังงานทดแทน เช่น การนำใบอ้อย และการนำชานอ้อยไปผลิตเป็นไฟฟ้า รวมถึงการจัดการน้ำด้วยระบบบำบัดน้ำเสียและนำน้ำนั้นกลับมาใช้ใหม่ แนวทางการดำเนินธุรกิจเช่นนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของกลุ่มมิตรผลในการสร้างสมดุลระหว่างการดำเนินธุรกิจ การดูแลสิ่งแวดล้อม และการพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน โดยเชื่อว่าการพัฒนาโรงงานน้ำตาลยุคใหม่ไม่ใช่แค่การผลิตน้ำตาล แต่คือการสร้างระบบนิเวศอุตสาหกรรมที่ยั่งยืน

กิจกรรมครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อแสดงให้เห็นถึง ความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เกษตรกร และภาคอุตสาหกรรม อย่างเป็นรูปธรรม คือกุญแจสำคัญในการยกระดับอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลของไทย ไม่เพียงแต่ในเชิงเศรษฐกิจ แต่ยังรวมถึงสิ่งแวดล้อมและสังคมในภาพรวม การเปิดให้สื่อมวลชนเข้ามามีส่วนร่วมจึงไม่ใช่เพียงการสื่อสาร แต่คือการสร้างความโปร่งใสและความเชื่อมั่นที่จะทำให้อุตสาหกรรมนี้เติบโตอย่างยั่งยืน

https://www.kaosanonline.com/?p=85019

By admin

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *